1.ดูบน
เทคนิคแรก เราจะเลือกรองเท้าวิ่งเทรลที่มีด้านบน “หนา” และ “ทนทาน” เพราะในการวิ่งเทรล เราทราบกันอยู่แล้วว่าเป็นการวิ่งในป่า ดังนั้นวัสดุด้านนอกของรองเท้าจะต้องมีการเสริมความแข็งแกร่ง หรือใช้วัสดุที่หนาขึ้นเพื่อป้องกันการทิ่มแทง จากเศษไม้ หญ้าแหลม หรือก้อนหินระหว่างวิ่ง เพราะหลายครั้งที่นักวิ่งมักจะได้แผลจากการวิ่งสะดุดก้อนหินแหลม หรือพวกกิ่งไม้แห้ง บริเวณปลายเท้า เพราะฉะนั้นด้านหน้าของรองเท้าวิ่งเทรลมักจะมีลักษณะแข็งขึ้น คล้ายๆ กับรองเท้า safety นั่นเองค่ะ
2.ดูกลาง
เป็นการดูพื้นรองเท้าด้านในและบริเวณ Midsole ซึ่งเป็นส่วนที่รองรับแรงกระแทกจากการวิ่ง ยิ่งมีบริเวณ Midsole หนา จะทำให้รู้สึกพื้นนุ่มเวลาวิ่ง เราแนะนำให้คุณเลือก รองเท้า ที่มี midsole ขนาดกลางๆ หรือที่เรียกว่ามี Drop กลางถึงสูง เพราะพื้นด้านนอกรองเท้าจะแข็งและไม่หนามาก เวลาวิ่งผ่านหินหรือพื้นที่ขรุขระ ทำให้ไม่พลิกง่ายๆ และช่วยเซฟอาการปวดฝ่าเท้าด้วยค่ะ
3.ดูล่าง
เทคนิคที่สำคัญอย่างหนึ่งของการวิ่งเทรล คือการดูดอกยางของรองเท้า เพราะลักษณะของดอกยางจะเป็นตัวบ่งบอกความแตกต่างของการวิ่งธรรมดากับการวิ่งเทรล เพราะในการวิ่งเทรลจำเป็นต้องเป็นรองเท้าที่มีดอกยางหนา เพื่อยึดเกาะพื้นผิวขรุขระ พื้นดินโคลน หรือแม้กระทั่งใช้ไต่เนินเขา เพราะยิ่งดอกยางหนาและลึก จะยิ่งยึดเกาะพื้นได้ดี ป้องกันการลื่น ล้ม หรือเกิดอุบัติเหตุได้ แต่เวลาวิ่งจะหน่วงๆ หน่อย เพราะมันยึดเกาะพื้นผิวมาก อาจจะทำให้เราวิ่งช้าลง ดังนี้ให้ใช้วิธีซอยเท้าเข้าช่วยนะคะ
การเลือกรองเท้าวิ่งเทรล จำเป็นมากสำหรับนักวิ่งทุกคน เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันการเกิดอุบัติเหตุขณะวิ่งแล้ว ยังช่วยให้คุณทำเวลาในการวิ่งได้ดีขึ้น ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากลองวิ่งเทรลดูสักครั้ง ลองเอา 3 เทคนิคนี้ไปเลือกซื้อรองเท้าวิ่งเทรลกันดูนะคะ