พูดถึงยอดเขาในไทยที่รอคนไปพิชิตหรือเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวและชมวิวทิวทัศน์นั้น มีอยู่มากในประเทศเราซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำการเดินทางพิชิตภูเขาและยอดเขาหลักที่ได้รับการคัดมาแล้วว่าสวยงาม คุ้มค่าและตอบโจทย์ขาประจำแบ็คแพ็คไว้เป็นตัวเลือกในวันหยุดได้ครับ
1.
ดอยหลวงเชียงดาว

ดอยหลวงเชียงดาวเป็นยอดที่เขาสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ด้วยความสูงเคียงดาวกว่า 2,225 เมตร จึงทำให้ภูเขาแห่งนี้มีชื่อเรียกว่าดอยหลวงเชียงดาว ซึ่งเพี้ยนมาจากคำว่าดอยหลวงเพียงดาวในภาษาเหนือนั่นเอง ระหว่างทางเดินขึ้นภูเขาเราจะได้พบกับต้นไม้นานาพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นต้นค้อเชียงดาว สิงโตเชียงดาว อั้วปากฝอยเชียงดาว ฯลฯ รวมไปถึงนกชนิดต่างๆ เช่น นกปรอดเทาหัวขาว นกกินปลี นกแซงแซว และสัตว์อื่นๆ เช่น ผีเสื้อสมิงเชียงดาว กวางผา เลียงผา เป็นต้น เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักธรรมชาติและรักสัตว์เลยทีเดียว เมื่อเพื่อนๆ เดินขึ้นไปถึงยอดดอยก็จะพบกับอีก 2 ดอยที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า ได้แก่ ดอยสามพี่น้องและดอยพีรามิด เราสามารถไปกางเต้นท์นอนบนดอยกันได้ด้วย ตกกลางคืนก็จะได้พบกับหมู่ดาวที่ส่องแสงระยิบระยับบนท้องฟ้า ตื่นขึ้นมาก็จะได้ดูเมฆหมอกที่ล่องลอยอยู่เบื้องหน้าราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์เลยทีเดียว
2.ดอยผ้าห่มปก

ดอยผ้าห่มปกตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จ.เชียงใหม่ มีความสูงกว่า 2,285 เมตร และได้ชื่อว่าเป็นยอดดอยที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย เพื่อนๆ ต้องใช้เวลาในการเดินเท้าขึ้นไปพิชิตยอดดอยไป – กลับ รวมประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง เมื่อขึ้นสู่ยอดดอยแล้วจะได้พบกับวิวทิวทัศน์ที่สวยงามสุดลูกหูลูกตา ทั้งทะเลหมอกที่สวยงาม ภาพของพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตกที่ติดตาตรึงใจ บนดอยผ้าห่มปกยังมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีให้ได้สัมผัสกัน เพื่อนๆ สามารถไปกางเต้นท์นอนบริเวณลานกางเต้นท์กิ่วลมเพื่อซึมซับบรรยากาศที่สวยงามเหล่านี้ได้ มีทั้งห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการพร้อม ส่วนเสบียงอื่นๆ จะต้องนำไปเองเพราะด้านบนไม่มีให้บริการ ระหว่างทางเดินขึ้นไปนั้นเพื่อนๆ จะได้พบกับเหล่าพันธุ์ไม้และสัตว์นานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นผีเสื้อไกเซอร์อิมพิเรียล นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง นกปีกแพรสีม่วง บัวทอง ฯลฯ
3.ดอยม่อนจอง

ดอยม่อนจองโดดเด่นด้วยลักษณะยอดดอยที่คล้ายกับหัวสิงโต ดังนั้นบริเวณจุดสูงสุดของยอดดอยจึงมีป้ายคำว่ายอดดอยหัวสิงห์ตั้งไว้อยู่ ดอยม่อนจองสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,929 เมตร เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวตะลุยเดินป่าในช่วงปลายฝนต้นหนาว เราจะได้เห็นสัตว์ป่าต่างๆ รวมถึงธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ยิ่งในช่วงฤดูหนาวจะได้พบกับดอกกุหลาบพันปีที่เป็นไฮไลท์เด็ดของการมาเยือนดอยม่อนจองอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบส่องนก ที่นี่ก็มีนกหลากหลายชนิดให้ได้ชมกัน ทั้งเหยี่ยวนกเขาท้องขาว นกอินทรีแถบปีกดำ นกเปล้าท้องขาว นกอินทรีเล็ก นกเดินดงคอดำ รวมถึงสัตว์ชนิดอื่นๆ อย่างกวางผาอีกด้วย ทั้งนี้หากต้องการไปเที่ยวดอยม่อนจองจะต้องติดต่อขออนุญาตจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอก่อน แล้วนั่งรถโฟร์วีลไปยังจุดเริ่มเดินขึ้นเขาเป็นระยะทางประมาณ 16 กิโลเมตร และเดินขึ้นสู่ยอดดอยอีก 4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง ทั้งนี้หากเพื่อนๆ ต้องการไปกางเต้นท์นอนจะต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย หน่วยมูเซอล่วงหน้า และต้องจัดเตรียมเต้นท์และอุปกรณ์ต่างๆ ไปเองทั้งหมด รวมถึงต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางทุกครั้ง
4.อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว

อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว สวรรค์ของนักเดินป่าหน้าฝนที่ซึ่งเราจะได้ชม “ทุ่งดอกหงอนนาค” สีม่วง รวมไปถึงดอกไม้หลากสีสันนานาชนิด อย่างดอกสร้อยสุวรรณา ดอกหญ้ารากหอม ดอกกระดุมเงิน กล้วยไม้รองเท้านารี และต้นเมเปิลที่ออกดอกบานสะพรั่งอยู่ทั่วผืนป่าบริเวณลานสวนสน นอกจากจะมีดอกไม้ให้เราได้ชมกันแล้ว ยังมีน้ำตกภูสอยดาวและน้ำตกสายทิพย์ให้เราได้ชุ่มฉ่ำกับน้ำที่ไหลเย็นตลอดทั้งปีอีกด้วย ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติภูสอยดาวก็คือเดือนสิงหาคม – กันยายนของทุกปีนั่นเอง
อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวมีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าน้ำปาด ท้องที่ ต.ม่วงเจ็ดต้น ต.นาขุม ต.บ้านโคก อ.บ้านโคก ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ ต.บ่อภาค อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก ในการเดินป่าไปยังลานสนสามใบภูสอยดาว เราต้องใช้วิธีเดินเท้าจากน้ำตกภูสอยดาว ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง ระหว่างทางเราก็จะได้พบกับธรรมชาติ นก และแมลงนานาชนิด และหากใครอยากกางเต้นท์นอนก็มีลานกางเต้นท์ไว้ให้บริการด้วย สามารถติดต่ออุทยานแห่งชาติภูสอยดาวได้เลยที่เบอร์ 055-436793, 055-436001 และ 055-436002 ทั้งนี้ต้องเตรียมอาหารขึ้นไปเอง เนื่องจากด้านบนไม่มีร้านค้าให้บริการ
5.
ยอดเขาโมโกจู

ยอดเขาโมโกจูเรียกได้ว่าเป็นเป็นยอดเขาที่นักเดินป่าต้องไปพิชิตให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต ใช้เวลาในการเดินเท้าไป – กลับ ทั้งหมด 5 วัน 4 คืน ระยะทางไป – กลับประมาณ 60 กิโลเมตร ซึ่งใน 1 ปีมีช่วงเวลาให้พิชิตยอดเขาเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น ยอดเขาโมโกจูตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของอุทยานฯ ด้วยความสูง 1,964 เมตรจากระดับน้ำทะเล ครอบคลุมพื้นที่ จ.กำแพงเพชร และ จ.นครสวรรค์
การเดินป่าเพื่อพิชิตยอดเขาโมโกจูจะต้องเดินทางผ่านแคมป์ต่างๆ ทั้งแคมป์แม่กระสา แคมป์แม่เรวา แคมป์ขอนไม้ แคมป์ตีนดอย ที่ที่เราจะได้พักแรมก่อนไปถึงยอดเขาโมโกจูนั่นเอง ระหว่างทางเราก็จะได้พบกับน้ำตกแม่รีวา ทางเดินจะโหดขึ้นเรื่อยๆ ผ่านทั้งทางลาดชัน ข้ามห้วย ข้ามสะพานต้นไม้ ดังนั้นต้องฟิตร่างกายไปให้พร้อม นอนให้พอ รวมถึงฉีดสเปรย์กันแมลงไว้ให้ดีเพื่อไปพิชิตหินเรือใบ จุดที่สูงที่สุดของยอดเขาโมโกจู เพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็น ชมเมฆหมอก และเก็บภาพพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย บอกเลยว่าใครที่ชอบเดินป่าจะต้องรักที่นี่อย่างแน่นอน
นี่คงเป็นห้าตัวเลือกที่ เหมาะสมและตอบโจทย์ไม่น้อยครับให้ขาประจำหรือมือใหม่ที่จะลุยการปีนเขานั่นคือดีที่สุดที่ทางเราได้แนะนำคร่าวๆไว้ให้ผู้พิชิตลองผจญภัยดูกันสักตั้งครับ