ความแตกต่างของรองเท้าวิ่งและรองเท้าเดินทั่วไป
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบเกี่ยวกับความแตกต่างของรองเท้าวิ่งและรองเท้าเดินทั่วไป บางคนเข้าใจว่ารองเท้าผ้าใบปกติก็สามารถวิ่งได้ เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกซะทั้งหมดนะคะ รองเท้าใบปกติที่ไม่ใช่รองเท้าวิ่ง ใส่วิ่งได้จริงค่ะ แต่ก็อาจจะไม่ได้ส่งผลที่ดีในการวิ่ง อาจจะมีการบาดเจ็บเกิดขึ้นขณะวิ่งได้ เนื่องจากรองเท้าเหล่านั้นไม่ได้ออกแบบมาเพื่อเป็นรองเท้าวิ่งนั่นเองค่ะ วันนี้เราจะเอาข้อแตกต่างของรองเท้าวิ่งกับรองเท้าเดินทั่วไปมาเล่าให้ฟังกันค่ะ
1.รองเท้าวิ่งมีความยืดหยุ่นกว่ารองเท้าเดินทั่วไป
เนื่องจากรองเท้าเดินทั่วไปนั้นจะไม่มีความยืดหยุ่นเท่ากับรองเท้าวิ่ง เนื่องจากเป็นแค่การเดินปกติธรรมดา ไม่จำเป็นต้องใช้ความเร็ว ดังนั้นส่วนใหญ่รองเท้าเดินทั่วไปจะมีลักษณะโครงสร้างรองเท้าที่แข็ง และอาจจะมีน้ำหนักที่มากกว่ารองเท้าวิ่ง ในการวิ่งนั้นรองเท้าจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นและกระชับเท้า เพื่อให้นักวิ่ง วิ่งได้เร็วขึ้นและไม่เจ็บเท้า ด้วยเหตุนี้เองรองเท้าเดินทั่วไปจึงไม่เหมาะแก่การวิ่ง ถ้าคุณต้องการออกกำลังกายด้วยการวิ่ง หรือเดินออกกำลังกายเป็นระยะเวลานาน คุณจึงจำเป็นเลือกรองเท้าวิ่งดีๆ สักคู่ ที่มีความยืดหยุ่น เพื่อส่งเสริมการวิ่งที่ดีขึ้น และเซฟการบาดเจ็บของเท้าคุณด้วยค่ะ
2.รองเท้าวิ่งมีการกันกระแทกที่ดีเยี่ยม
ขณะที่คุณวิ่ง เท้าของคุณจะกระทบกับพื้น ซึ่งนั่นหมายถึง รองเท้าวิ่งของคุณจะรับน้ำหนักประมาณ3 เท่าของน้ำหนักตัว เมื่อเปรียบเทียบการการเดินปกติทั่วไปเพียงแค่ 1.5 เท่าของน้ำหนักตัวเท่านั้นเอง ดังนั้นรองเท้าวิ่งจึงต้องมีการออกแบบให้มีการกันกระแทกหรือลดแรงกระแทกได้ดีกว่ารองเท้าเดินทั่วไปอย่างแน่นอน รองเท้าวิ่งถูกออกแบบให้มีการรองรับแรงกระแทกที่ส้นเท้าและปลายเท้าแตกต่างกัน เนื่องจากนักวิ่งจะมีวิธีการวิ่งที่แตกต่างกัน ในเรื่องการวางเท้าให้เหมาะสมกับการวิ่ง ส่วนรองเท้าเดินทั่วไปจะมีการรองรับแรงกระแทกที่ส้นน้อย จึงไม่เหมาะกับการวิ่ง ในรองเท้าวิ่งบางประเภทจะมีการเสริมส้นในการรับแรงกระแทกโดยใช้ช่องว่างของอากาศ จึงทำให้มีน้ำหนักเบา ซึ่งก็เป็นข้อดีของการวิ่งเช่นกัน ดังนั้นหากคุณจะต้องวิ่งในระยะทางไกล คุณต้องเลือกรองเท้าที่มีคุณสมบัติที่ดีของการวิ่ง หรือรองเท้าวิ่งดีๆ นั่นเอง เช่น เป็นรองเท้าที่มีน้ำหนักเบา แต่ทนทาน เป็นต้น
3.รองเท้าวิ่งมีการออกแบบส้นรองเท้าแตกต่างจากรองเท้าเดินทั่วไป
เนื่องจากการวิ่งจะมีวิธีการวางเท้าที่แตกต่างกัน และต่างกันของแต่ละคน รองเท้าวิ่งจึงมีการออกแบบส้นเท้าที่แตกต่างกัน โดยมี Drop ที่ต่างกัน หมายถึงระยะพื้นส้นเท้าสูงกว่าพื้นหน้าเท้า ได้แก่ Zerodrop คือเท่ากันเลย เหมาะกับการวิ่งแบบลงหน้าเท้า Drop น้อยๆ คือมีระยะไม่เกิน 4 mm. จะเป็นการวิ่งได้ทั้งลงหน้าเท้าหรือส้นเท้าเลย จะเป็นการวิ่งที่เน้นความเร็ว และ Drop เยอะๆ คือระยะที่มากกว่า 5 mm. เป็นการวิ่งแบบลงส้นเท้ามากกว่า ซึ่งเหมาะสมกับการวิ่งมาราธอน หรือวิ่งระยะไกลๆ เพราะใช้แรงน้อยกว่า ส่วนในการเดินทั่วไปไม่จำเป็นเป็นต้องมีการออกแรงมา หรือนาน จึงไม่จะเป็นต้องมีส้นรองเท้าที่สูงจนเกินไป บางรองเท้าก็ออกแบบพื้นส้นให้บาง เพื่อมีขนาดกะทัดรัด โดยที่ไม่ได้คำนึงถึงความสูงของส้นเท้าเลย
4.รองเท้าวิ่งดีกว่ารองเท้าเดินทั่วไปแน่นอน
ถูกต้องเลยค่ะ รองเท้าวิ่งชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าใช้สำหรับวิ่ง ถ้าคุณอยากวิ่งหรือออกกำลังกายที่ดีก็ต้องเลือกรองเท้าที่มีคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อประโยชน์ในการใช้งานนั้นๆ นอกจากจะช่วยให้คุณใช้ถูกกับประโยชน์ของมันแล้ว ยังช่วยส่งเสริมให้คุณวิ่งได้ดีอีกด้วย รองเท้าวิ่งจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่น น้ำหนักที่พอเหมาะ รองรับแรงกระแทกที่ดี พื้นรองเท้าที่เซฟเท้า คุณอาจจะเริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการหาข้อมูลเกี่ยวกับรองเท้าวิ่งในอินเตอร์เน็ต หรือสอบถามคนที่เป็นนักวิ่ง เพราะเขารู้แน่นอนค่ะว่าจะแนะนำคุณอย่างไร หรือคุณอาจจะติดตามอ่านสาระดีๆใน CKP SPORT ก็ได้นะคะ แต่สุดท้ายแล้ว สิ่งที่สำคัญของการวิ่ง คือ การที่คุณได้ออกไปวิ่งค่ะ ด้วยรองเท้าวิ่งดีๆ สักคู่ ด้วยสไตล์การวิ่งของคุณค่ะ